วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ได้เปรียบ หรือ เสียบเปรียบน้อยที่สุด


          บทความนี้เกิดขึ้นจากการที่กลับมานั่งทบทวน Order S ใน Product S&P 500 ที่ตัวเองได้เข้าไปล่าสุดเมื่อกลางดึกของคืนวันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา 3 ชั่วโมง ก่อนที่ตลาดจะปิด Session ลง

          การแข่งขันใน Port man ครั้งนี้นั้น ถูกบังคับให้เทรดได้แต่เฉพาะทาง Sell แค่ด้านเดียวเท่านั้น และแต่ละ Order ที่ถูกส่งออกไป จะมีโอกาสทำกำไรให้กับตัวเองได้แค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าเกิน 48 ชั่วโมงแล้ว Order ยังติดลบอยู่ กระสุนก็จะถูกยึดไป

          ดังนั้น ประเด็นสำคัญหลักๆ ในมุมมองของผมถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักด้วยกันคือ
          1. ตำแหน่งในการเปิด Order Sell
          2. จังหวะเวลาในการเปิด Order Sell

          มาพูดถึง ตำแหน่งในการเปิด Order Sell เสียก่อน คิดแบบพื้นฐานง่ายๆ ยิ่งเราเปิด Sell ได้ตำแหน่งยิ่งสูงเท่าไหร่ เราก็จะได้เปรียบมากขึ้น อาจจะมีคนพูดว่า อย่างนั้นก็เปิดที่ตำแหน่งก่อนกลับตัวลงสิ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใครรู้หรอกว่าตำแหน่งไหน เป็นจุดสูงสุด หรือ ต่ำสุด (อาจจะยกเว้น Market Maker) แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานั้นๆของเทรน มุมมองการวิเคราะห์ของเรา อาจจะพอให้เรารู้ได้คร่าวๆว่า ช่วงบริเวณไหน น่าจะเป็นจุดที่เราได้เปรียบในการเข้า Sell


          จากรูปด้านบน เราได้ทำการตี channel จากเส้นสีแดงสองเส้น และเราวิเคราะห์ว่า ราคาจะวิ่งอยู่ในกรอบ พูดง่ายๆก็คือถึงกรอบบนแล้วมีโอกาสปรับตัวลง ถึงขอบล่างมีโอกาสปรับตัวขึ้น ดังนั้นตำแหน่งที่น่าจะได้เปรียบในการเข้า Sell โดยคำนึง ความน่าจะเป็น และ Risk & Reward คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า บริเวณกรอบบนควรจะเป็นบริเวณที่ได้เปรียบที่สุดในการเข้า Sell Order 
          
          ถึงแม้ว่าในกรณีเลวร้าย เราเข้า Sell ไปแล้วราคายังมีการวิ่งไปต่อ ไม่ได้ปรับตัวลงมายัง target price ที่เรามองไว้ เราก็ยังได้เปรียบในการแก้ออร์เดอร์นี้ มากกว่าการที่เราเข้าชอร์ทในบริเวณกรอบล่างของ channel อยู่ดี

          ในบางครั้งซึ่งอาจจะเป็นหลายครั้งๆ ที่ราคาอาจจะวิ่งขึ้นไปแค่ครึ่งหนึ่งของ channel ที่เราตีไว้ แล้วปรับตัวลงมาเลย โดยไม่ไปถึงกรอบบนอีก ตรงนี้อาจจะมีหลายคนพูดว่า เห็นไหมเพราะเรามัวแต่รอให้ราคาวิ่งไปที่กรอบบน เราก็เลยพลาดโอกาสทำกำไร ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมไม่ปฏิเสธว่าผมเสียโอกาสทำกำไร แต่เมื่อมองความเป็นได้ และ Risk & Reward ที่กล่าวไว้ข้างต้น ผมมองไปที่ความพยายามที่จะลดโอกาสการขาดทุน มากกว่าโอกาสทำกำไร " Do not lose your money " และใน long run โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะมีมากกว่า ผมเชื่อแบบนั้น

          ทีนี้มาประเด็นที่สองที่จะกล่าวถึงก็คือ จังหวะเวลาในการเปิด Order Sell อย่างที่รู้ๆกันว่า US Futures Market ไม่ได้เหมือนบ้านเรา เพราะราคามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ ในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงวันหยุดพิเศษต่างๆของบ้านเค้า แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าลองสังเกตดีๆแล้วละก็ ปริมาณการซื้อขายนอกเวลาตลาดทำการจริงๆ นั้นน้อยมากๆ
          
          US Market Session : 2 ทุ่มครึ่ง - ตีสาม (เวลาปกติ) และ ปรับเป็น 3 ทุ่มครึ่ง - ตีสี่ (ช่วงฤดูหนาว)

          การเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างอยู่ในกรอบที่ไม่กว้าง นานๆทีถึงจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเกิดมาจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ถ้ามองแบบง่ายๆ ถึงแม้ว่าตลาดอเมริกาจะมีพวก Robot Trade หรือ HFT อยู่มากก็ตาม แต่จำนวน Trader ที่เป็นคนปกติก็ยังเยอะอยู่ ซึ่งก็ต้องมีการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง ตามที่ Trader ที่ดีควรพึงกระทำ 

          ดังนั้นในช่วงเวลานอกเหนือตลาดปกติเปิดทำการ Player ในตลาดที่เป็นคนก็จะหายออกไปในปริมาณนึง อาจจะรวมถึง การที่ Robot บางตัวก็อาจจะถูกคำสั่งให้ปิดใช้งานด้วย รวมถึงพวก day trader ซึ่งปริมาณ Player ที่หายออกไปมากขนาดนี้ ทำให้ตลาดค่อนข้างอยู่ในสภาวะที่ไม่น่าเทรด

          อีกอย่างหนึ่งก็คือ การเปิด Order ในคืนวันศุกร์ ซึ่งเราจะต้องรับความเสี่ยงในกรณีที่อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดระหว่างวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การที่จะอดทนรอมาเปิด Order ในวันจันทร์ ก็คงไม่ได้ทำให้เราเสียเปรียบมากซักเท่าไรนัก


          ทีนี้มาดูOrder ล่าสุดที่ผมได้เปิด ผมได้ทำการรอจนกระทั่งราคามาที่กรอบบนของ channel ที่ผมได้ลากเอาไว้ในรูปแรก Sto ได้เข้าสู่ OVB zone ทั้งในเฟรม H1 และ M5 ที่ผม monitor อยู่ ผมรอให้ RSI M5 เกิด Bearish Divergent และ ทำ Price Action ตามลำดับ จึงได้เปิด Order Sell ไป โดยมองว่าเป็นจุดที่ผมได้เปรียบที่สุด หรือในกรณีที่ผิดทางผมก็ยังเสียเปรียบน้อยที่สุด จากตำแหน่งในการเข้า Order Sell

          พอมาดูในส่วนของจังหวะเวลาในการเปิด Order ต้องบอกเลยว่า ผมได้ทำพลาดไปเสียแล้ว อย่างที่ได้กล่าวมาในส่วนของจังหวะเวลาข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่าผมมองแค่ในมุมมองของระดับราคาเพียงอย่างเดียว และคิดว่าเป็นราคาที่ดีที่สุด

          แต่ในส่วนของจังหวะเวลานั้น ผมเลือกที่จะเปิด Order ในกลางคืนของวันศุกร์ก่อนช่วงที่ตลาดจะปิดเพียงแค่ 3 ชั่วโมง นอกจากจะต้องแบกรับความเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในวันหยุดสุดสัปดาห์แล้วนั้น ยังต้องมาเสียเวลากับช่วง Pre-session ไปอีก ซึ่งจะได้เห็นว่า ผมเสียเปรียบเรื่องเวลาในการทำกำไรไปถึง 16 ชั่วโมง กับอีก 10 นาที ซึ่งถือเป็นขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดที่ผมมีในการทำกำไรเลยทีเดียว 

          ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถ้าผมรอเข้าออร์เดอร์ในคืนวันจันทร์ในช่วงที่ตลาดปกติเปิดทำการ ผมยังเปิด Order ได้ในราคาที่ดีกว่า คืนวันศุกร์ด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ราคาวันจันทร์อาจจะต่ำกว่าคืนวันศุกร์ก็ได้ แต่ส่วนที่สำคัญก็คือ เวลาที่หายไปในการทำกำไร ซึ่งเราไม่ได้สามารถเรียกกลับมาได้มากกว่า

          ณ ตอนนี้ วันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2556 เวลาประมาณ 15.50 ตามเวลาไทย ซึ่งยังคงเป็นช่วงนอกเวลาทำการปกติของตลาดUS ราคา S&P 500 ได้ขยับขึ้นไปที่ระดับ 1810.75 ผมมีเวลาอีกแค่ 9 ชั่วโมงกับอีก 20 นาที ก่อนที่จะครบ 48 ชั่วโมงตามกติกา ถ้าราคาไม่สามารถกลับลงมาต่ำกว่า 1803.25 ได้ กระสุนนัดนี้ของผมก็จะถูก โค้ช Bally ยึดไป ...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น